รักษาโรคเบาหวานด้วย STEM CELL

“เบาหวาน” ถือว่าเป็นโรคยอดฮิตที่คนไทยป่วยเป็นอันดับต้นๆ แต่ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากป่วย ไม่ว่าจะเป็นโรคใดก็ตาม แต่หากเจ็บป่วยแล้วก็ต้องรักษา หรือดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย ซึ่งโรคเบาหวานนั้นเกิดจากการที่ในเลือดมีน้ำตาลสูงกว่าปกติ เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย ต้องได้รับการดูแลรักษาตลอดชีวิต 

การรักษาโรคด้วยการใช้เซลล์ต้นกำเนิดชนิด MSCs

การนำเซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์มาใช้รักษาผู้ป่วย

สเต็มเซลล์ (STEM CELLS)

  • เซลล์ต้นกำเนิด คือเซลล์อ่อนที่พร้อมแบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่
  • ซึ่งมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ของร่างกาย เพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งในร่างกายของมนุษย์
  • แต่ละเซลล์จะพัฒนาเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จำเพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง

นวัตกรรมการรักษา ใช้สเต็มเซลล์รักษาเบาหวาน

ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ใช้สารเคมี

สเต็มเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์เป้าหมายที่ต้องการซ่อมแซมหรือฟื้นฟูนั้นมีลักษณะหรือความจำเพาะเฉกเช่นเดียวกับเซลล์รอบข้าง เช่น สเต็มเซลล์ที่ฉีดเข้าไปเพื่อรักษาเบาหวานที่ตับอ่อน เซลล์ใหม่ที่มาจากสเต็มเซลล์นั้นก็จะต้องสามารถหลั่งอินซูลินได้

TYPE 1 DIABETES MELLITUS (T1DM)

เป็นโรคเรื้อรังที่มีสาเหตุมาจากเซลล์ในตับอ่อนถูกทำลายจนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ เมื่อร่างกายขาดอินซูลินจึงเกิดปัญหาในการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ในร่างกายผ่านทางระบบไหลเวียนโลหิต

    ทำให้เกิดการสะสมของน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย หิวหรือกระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย หรืออาการอื่น ๆ

  • กลุ่มทดลอง: 29 คน ที่เป็นโรค T1DM
    แบ่ง 15 คน รักษาด้วย Wharton’s jelly-derived mesenchymal stem cells (WJ-MSC)
    แบ่ง14 คน รักษาด้วย normal saline based on insulin intensive therapy

  • การทดลอง: รักษาด้วย Wharton’s jelly-derived mesenchymal stem cells (WJ-MSC)
    Doses: 15-32 million cells

  • ผลการทดลอง:
      • กลุ่มที่รักษาด้วย WJ-MSC พบว่าปริมาณการใช้อินซูลินในชีวิตประจำวันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในเดือนที่ 6 เดือน

      • ค่าน้ำตาลเฉลี่ยที่สะสมในเลือดเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในเดือนที่ 9

      • ปริมาณกลูโคสหลังมื้ออาหารเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในเดือนที่ 9

      • ตับอ่อนสามารถสร้างอินซูลินได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ 6 เดือน

      • เมื่อผ่านไป 24 เดือนพบว่าผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงหลังจากการรักษา

TYPE 2 DIABETES MELLITUS (T2DM)

คือตับอ่อนผลิตอินสุลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่นำน้ำตาลและไขมันเข้าไปในเซลได้ตามปกติแต่มีเหตุจากการได้รับไขมันจากอาหารมากเกินไปจนอินสุลินนำไขมันเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์มากเกินไป ทำให้เซลล์ร่างกายดื้อต่ออินซูลินไม่รับเอาทั้งน้ำตาลและทั้งไขมันเข้าไปในเซลล์ (insulin resistance) ทำให้น้ำตาลคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือดถึงแม้ว่าตับอ่อนยังคงผลิตอินซูลินได้ตามปกติ

  • กลุ่มทดลอง: 16 คน ที่เป็นโรค T2DM
    อายุเฉลี่ย 53 ปี ชาย 12 คน หญิง 4 คน

  • การทดลอง: Intravenous (IV) infusions human umbilical cord-mesenchymal stem cell (hUC-MSC)
    Doses: 1 million cells/kg of body weight (3 ครั้ง)

  • ผลการทดลอง:
    • กลุ่มที่รักษาด้วย hUC-MSC พบว่าปริมาณกลูโคสขณะอาหารเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในวันที่ 14
    • ค่าน้ำตาลเฉลี่ยที่สะสมในเลือดเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในวันที่ 84
    • การทำงานของเบต้าเซลล์ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในวันที่ 28
    • ตับอ่อนสามารถสร้างอินซูลินได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ 6 เดือน
    • เมื่อผ่านไป 28 วันพบว่าผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงหลังจากการรักษา

ผู้เป็นโรคเบาหวานส่วนใหญ่จะยังไม่รู้ตัวจนกว่าจะแสดงอาการ เช่น น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย แผลหายช้า อ่อนเพลีย ชาปลายมือปลายเท้า สายตาผิดปกติ ซึ่งเกิดจากน้ำตาลในเลือดสูง หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานอาจเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เบาหวานขึ้นจอประสาทตาจนทำให้ตาบอด โปรตีนรั่วในปัสสาวะจนนำไปสู่โรคไตเสื่อม หลอดเลือดสมองอุดตันหรือแตก ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และสตรีมีครรภ์ที่เป็นโรคนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษ อาจเกิดการแท้งบุตรได้

สามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดเข้ารับการตรวจเบื้องต้นได้ที่ 082-865-4444